Download Andriond
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.arunsawad.policeilu&hl=th
แจ้งเหตุด่้วนเหตุร้าย
มาไวโดยที่ไม่ต้องโทรรอสาย 191 แจ้งผ่านแอ๊ปนี้ได้เลย
-----------------------------------อันนนี้ของเก่า ปี 2014 ------------23ธค--------------
ใครมีญาติพักอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล โปรดแนะนำต่อ 191 เปิดตัวโครงการ You'll never walk alone
มีอะไรให้สายตรวจ 191 รับใช้ ติดต่อ
061 385 0191
061 385 1191
061 385 2191
061 385 3191
line id : patrolcop0191
เพื่อแก้ปัญหาคู่สาย 191 ไม่ว่าง ตอนนี้ท่านสามารถแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย สายตรง 191
ทาง Line ได้แล้วครับ สามารถ แชร์โลเคชั่นที่เกิดเหตุ ได้ถูกต้องแม่นยำกว่าด้วย
ID : patrolcop0191
เผื่อโทรติดยาก และข้อมูลที่ส่งไปจะได้ชัดเจนดี ไม่มีผิดพลาด
รวบรวมข้อมูล สัญญาณเตือนบอกเหตุ // ป้องกัน ระวังภัยต่าง ๆ //ศูนย์เฝ้าระวัง
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ. 2563
รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ. 2563
รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ. 2563
อ่านให้จบนะครับ แล้วตามไปอ่านในลิ้งค์ด้วย อ่านให้ละเอียดช้าๆ แล้วหากท่านอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ก็เสิร์ทค้นหาในกูเกิ้ลต่อนะครับ พิมพิืภาษาไทยลงไปนี่หละครับ ละเอียดกว่าถามผมแยะครับ
ที่คุณครูชาญวิทย์ลงมาเป็นล่าสุด แต่ยังไม่เห็นต้นตอที่มา
ส่วนด้านล่างเป็นของ ดร.เสรี
แค่ไม่ต้องคำนึงถึงอภิมหาภัยพิบัติทำลายโลก เอาแค่น้ำแข็งละลายน้ำก็ท่วมกรุงเทพมหานครลึกเข้ามาชายฝั่งอย่างน้อยที่สุด ๑๐ กิโลเมตรแล้ว และผมยืนยันว่า เขาประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง
พม่าย้ายเมืองหลวงไป เนียปิดอว์ เรียบร้อยแล้ว ไม่โลกสวยนะครับ และไม่โลกมืดด้วย โลกเปลี่ยนไปตามวัฎจักรวงรอบธรรมชาติ ไม่ได้มีอะไแปลกใหม่เลย ช่วงชีวิตเราในรอบนี้เท่านั้นที่มีคนพยายามปิดบังให้เรามาเรียนมารู้เอง เพราะระบบทุนนิยม เน้นการบริโภคปิดหูปิดตากันไปหมด ลองอ่าน พิจารณาดูนะครับ
——————————————————————————
……..คาดเดาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ฟ สหรัฐอเมริกาน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
……..เมืองที่อยู่ริมชายฝัง , เกาะ , เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อาจจมน้ำได้ ปริมาณน้ำที่เคยเป็นหิ้งน้ำแข็ง
……..และที่เคยหักเป็นก้อนอยู่ในทะเลในฤดูหนาวนั้น มีปริมาณหลายพันลูกบาศก์กิโลเมตร
……..ซึ่งมากพอที่จะเพิ่มระดับน้ำทะเลให้สูงกว่าเดิมถึง 6,400 นิ้ว หรือ 16,000 เซนติเมตร หรือ 160 เมตร ในปี ค.ศ. 2020 หรือ พ.ศ. 2563
……..นั้นแสดงว่า ไอพีซีซี คำนวณการเพิ่มของระดับน้ำทะเลพลาดไป 1 เท่าตัว เพราะไม่ได้เอาปัจจัยหิ้งน้ำแข็งมาคำนวณ
……..จากผลการศึกษาชุดล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปทั้ง 3 คนนี้ คาดว่า เร็วๆนี้ ไอพีซีซี คงจะออกมาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยตัวใหม่
……..ที่ส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก ' สรุประดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง 160 เมตรทั่วโลก
——————————————————————————-
อ่านให้จบนะครับ แล้วตามไปอ่านในลิ้งค์ด้วย อ่านให้ละเอียดช้าๆ แล้วหากท่านอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ก็เสิร์ทค้นหาในกูเกิ้ลต่อนะครับ พิมพิืภาษาไทยลงไปนี่หละครับ ละเอียดกว่าถามผมแยะครับ
ที่คุณครูชาญวิทย์ลงมาเป็นล่าสุด แต่ยังไม่เห็นต้นตอที่มา
ส่วนด้านล่างเป็นของ ดร.เสรี
แค่ไม่ต้องคำนึงถึงอภิมหาภัยพิบัติทำลายโลก เอาแค่น้ำแข็งละลายน้ำก็ท่วมกรุงเทพมหานครลึกเข้ามาชายฝั่งอย่างน้อยที่สุด ๑๐ กิโลเมตรแล้ว และผมยืนยันว่า เขาประเมินต่ำกว่าความเป็นจริง
พม่าย้ายเมืองหลวงไป เนียปิดอว์ เรียบร้อยแล้ว ไม่โลกสวยนะครับ และไม่โลกมืดด้วย โลกเปลี่ยนไปตามวัฎจักรวงรอบธรรมชาติ ไม่ได้มีอะไแปลกใหม่เลย ช่วงชีวิตเราในรอบนี้เท่านั้นที่มีคนพยายามปิดบังให้เรามาเรียนมารู้เอง เพราะระบบทุนนิยม เน้นการบริโภคปิดหูปิดตากันไปหมด ลองอ่าน พิจารณาดูนะครับ
——————————————————————————
……..คาดเดาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ฟ สหรัฐอเมริกาน้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
……..เมืองที่อยู่ริมชายฝัง , เกาะ , เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อาจจมน้ำได้ ปริมาณน้ำที่เคยเป็นหิ้งน้ำแข็ง
……..และที่เคยหักเป็นก้อนอยู่ในทะเลในฤดูหนาวนั้น มีปริมาณหลายพันลูกบาศก์กิโลเมตร
……..ซึ่งมากพอที่จะเพิ่มระดับน้ำทะเลให้สูงกว่าเดิมถึง 6,400 นิ้ว หรือ 16,000 เซนติเมตร หรือ 160 เมตร ในปี ค.ศ. 2020 หรือ พ.ศ. 2563
……..นั้นแสดงว่า ไอพีซีซี คำนวณการเพิ่มของระดับน้ำทะเลพลาดไป 1 เท่าตัว เพราะไม่ได้เอาปัจจัยหิ้งน้ำแข็งมาคำนวณ
……..จากผลการศึกษาชุดล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปทั้ง 3 คนนี้ คาดว่า เร็วๆนี้ ไอพีซีซี คงจะออกมาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยตัวใหม่
……..ที่ส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก ' สรุประดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นถึง 160 เมตรทั่วโลก
——————————————————————————-
รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ 160 เมตร ประมาณ พ.ศ. 2563
——————————————————————————-
……..1. นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 24,857,000 คน
……..2. ฟิลาเดนเฟีย สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 7,452,300 คน
……..3. ลอส แอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 16,927,620 คน
……..4. โทรอนโต แคนาดา ประชากรประมาณ 9,258,400 คน
……..5. ออสตาวา แคนาดา ประชากรประมาณ 12,638,450 คน
……..6. ฮาวานา คิวบา ประชากรประมาณ 7,524,000 คน
——————————————————————————-
อเมริกาใต้
——————————————————————————-
……..7. การากัส เวเนซุเอรา ประชากรประมาณ 12,856,000 คน
……..8. บัวโนสใฮเรส อาร์เจนตินา ประชากรประมาณ 5,492,000 คน
……..9. โบโกตา โคลอมเบีย ประชากรประมาณ 14,584,900 คน
……..10. เซาเปาลู บราซิล ประชากรประมาณ 8,243,000 คน
……..11. ซาติเอโก ชิลี ประชากรประมาณ 11,859,200 คน
——————————————————————————-
ยุโรปบ้าง
——————————————————————————-
……..12. ลอนดอน อังกฤษ ประชากรประมาณ 18,672,000 คน
……..13. เฮงซิงกิ ฟินแลนด์ ประชากรประมาณ 7,473,600 คน
……..14. ปารีส ฝรั่งเศส ประชากรประมาณ 17,253,000 คน
……..15. สตอสโฮร์ม สวีเดน ประกรประมาณ 12,854,000 คน
……..16. อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ประชากรประมาณ 8,967,000 คน
……..17. ดับลินไอร์แลนด์ 4,982,400 คน
——————————————————————————
เอเชียบ้านเรา
——————————————————————————
……..18. โตเกียว ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 34,749,000 คน
……..19. นางาซากิ ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 21,746,450 คน
……..20. โซล เกาหลีใต้ ประชากรประมาณ 9,255,000 คน
……..21. ไทเป ใต้หวัน ประชากรประมาณ 18,792,000 คน
……..22. เซี่ยงไฮ้ จีน ประชากรประมาณ 16,482,900 คน
……..23. ฮ่องกง จีน ประชากรประมาณ 17,784,000 คน
……..24. ฮานอย เวียดนาม ประชากรประมาณ 15,644,200 คน
……..25. กรุงเทพมหานคร ไทย ประชากรประมาณ 11,584,700 คน
……..26. สิงคโปร์ซิตี้ สิงคโปร์ ประชากรประมาณ 3,257,000 คน
……..27, ย่างกุ้ง พม่า ประชากรประมาณ 4,922,000 คน
——————————————————————————
ออสเตรเลีย
——————————————————————————
……..28. ซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย ประชากรประมาณ 18,351,400 คน
……..29. วิกตรอเรีย ออสเตรเลีย 8,445,000 คน
……..30. เวงลิงตัน นิวซีแลนด์ ประชากรประมาณ 4,799,520 คน
—————————————————————————–
——————————————————————————-
……..1. นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 24,857,000 คน
……..2. ฟิลาเดนเฟีย สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 7,452,300 คน
……..3. ลอส แอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 16,927,620 คน
……..4. โทรอนโต แคนาดา ประชากรประมาณ 9,258,400 คน
……..5. ออสตาวา แคนาดา ประชากรประมาณ 12,638,450 คน
……..6. ฮาวานา คิวบา ประชากรประมาณ 7,524,000 คน
——————————————————————————-
อเมริกาใต้
——————————————————————————-
……..7. การากัส เวเนซุเอรา ประชากรประมาณ 12,856,000 คน
……..8. บัวโนสใฮเรส อาร์เจนตินา ประชากรประมาณ 5,492,000 คน
……..9. โบโกตา โคลอมเบีย ประชากรประมาณ 14,584,900 คน
……..10. เซาเปาลู บราซิล ประชากรประมาณ 8,243,000 คน
……..11. ซาติเอโก ชิลี ประชากรประมาณ 11,859,200 คน
——————————————————————————-
ยุโรปบ้าง
——————————————————————————-
……..12. ลอนดอน อังกฤษ ประชากรประมาณ 18,672,000 คน
……..13. เฮงซิงกิ ฟินแลนด์ ประชากรประมาณ 7,473,600 คน
……..14. ปารีส ฝรั่งเศส ประชากรประมาณ 17,253,000 คน
……..15. สตอสโฮร์ม สวีเดน ประกรประมาณ 12,854,000 คน
……..16. อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ประชากรประมาณ 8,967,000 คน
……..17. ดับลินไอร์แลนด์ 4,982,400 คน
——————————————————————————
เอเชียบ้านเรา
——————————————————————————
……..18. โตเกียว ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 34,749,000 คน
……..19. นางาซากิ ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 21,746,450 คน
……..20. โซล เกาหลีใต้ ประชากรประมาณ 9,255,000 คน
……..21. ไทเป ใต้หวัน ประชากรประมาณ 18,792,000 คน
……..22. เซี่ยงไฮ้ จีน ประชากรประมาณ 16,482,900 คน
……..23. ฮ่องกง จีน ประชากรประมาณ 17,784,000 คน
……..24. ฮานอย เวียดนาม ประชากรประมาณ 15,644,200 คน
……..25. กรุงเทพมหานคร ไทย ประชากรประมาณ 11,584,700 คน
……..26. สิงคโปร์ซิตี้ สิงคโปร์ ประชากรประมาณ 3,257,000 คน
……..27, ย่างกุ้ง พม่า ประชากรประมาณ 4,922,000 คน
——————————————————————————
ออสเตรเลีย
——————————————————————————
……..28. ซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย ประชากรประมาณ 18,351,400 คน
……..29. วิกตรอเรีย ออสเตรเลีย 8,445,000 คน
……..30. เวงลิงตัน นิวซีแลนด์ ประชากรประมาณ 4,799,520 คน
—————————————————————————–
อีก 10 ปีกรุงเทพอยู่ใต้บาดาล “รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์”
สถาบันเวิลด์วอทช์ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ศึกษาวิจัยด้านสภาพแวดล้อมทั่วโลกระบุว่า จากการศึกษาของสหประชาชาติ (UN) และอีกหลายสถาบัน พบว่า เมืองที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญกับอันตรายจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพิบัติภัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก โดยพบว่า เมืองชายฝั่ง 21 แห่ง จากทั้งหมด 33 แห่งที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนประชากรสูงถึง 8 ล้านคนภายในปี 2558 มีความเปราะบางสูงมากที่จะถูกน้ำท่วม ซึ่ง 1 ในเมืองที่มีความเสี่ยงต่อภัยนี้ คือ “กรุงเทพมหานคร”
สอดคล้องกับโครงการวิจัยร่วมไทย-ยุโรป GEO2TECDI (Geodetic Earth Observation Technologies for Thailand : Environmental Change Detection and Investigation) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยร่วมระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุ โรปที่ได้รับการสนับ สนุนเงินทุนจากสหภาพยุโรป ในโครงการตรวจวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินและระดับน้ำ ทะเลโดยใช้เทคโนโลยี Space Geodetic ออกมาเปิดเผยผลวิจัย ว่า ประเทศไทยโดยรวมจะมีการทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับเพิ่มขึ้น ส่วนแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดลงปีละ 15 มม.
“รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์” กรรมการภูมิศาสตร์โลก และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เพิ่งศึกษาวิจัยประเด็นนี้เสร็จหมาดๆ แล้วส่งเปเปอร์ให้กับธนาคารโลก (World Bank) ในฐานะเจ้าของเงินทุนการวิจัย เล่าความเป็นมาว่า ได้ใช้เวลาในการศึกษาเรื่องนี้ 2 ปี โดยศึกษาเฉพาะกรณีของประเทศไทย
เหตุเพราะว่าธนาคารโลกสนใจเรื่องนี้มาก และศึกษามาอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อมูลว่า 4 เมืองหลักในทวีปเอเชีย ได้แก่ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย, เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม, เมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และกรุงเทพฯ ประเทศไทย
ดังนั้น จึงให้ทุนมาศึกษาวิจัยว่าความเสี่ยงมีมากขนาดไหน ประชาชนจะได้รับผลกระทบกี่ครอบครัว และความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะเป็นมูลค่าเท่าไหร่
“วิธีการศึกษาผมได้ใช้แบบจำลองคณิตศาสตร์ในห้องปฏิบัติการ เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งหมด สร้างเมืองกรุงเทพฯจำลองขึ้นมา ซึ่งกรุงเทพฯ ประกอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองต่างๆ ระดับความสูงของพื้นดิน ระดับน้ำทะเลบริเวณเขตบางขุนเทียน จากนั้นใส่ปริมาณน้ำเหนือ น้ำหนุน และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ใส่ข้อมูลต่างๆ ลงไปให้ครบ และใช้เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2538 เป็นฐาน..”
ผล.. เราพบว่าถ้าเหตุการณ์อย่างปี 2538 เกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อนาคตเราหนีไม่พ้นแน่ กรุงเทพฯรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ ต้องโดนน้ำท่วมหนัก”
คำว่า ”กรุงเทพฯรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้” ของอาจารย์เสรีมีความหมายว่าผืนดินบริเวณริมทะเลทั้งหมด โดยวัดจากริมชายทะเลเข้าไปในแผ่นดินประมาณ 10 กิโลเมตร จะถูกน้ำท่วม “โดยมีระดับความสูงของน้ำ 1.8-2.00 เมตร” !! ดังนั้นลักษณะของบ้านอนาคตประเทศไทยต้องมีใต้ถุนสูง ส่วนบ้านแพลอยน้ำเป็นของประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ขณะนี้ได้ออกแบบเตรียมรับมือน้ำท่วมไว้แล้ว
“”เราพบว่าพื้นที่กรุงเทพฯ จะถูกน้ำท่วมรุนแรง แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับว่าจะติดกับชายฝั่งขนาดไหน ถ้าอยู่ติดชายฝั่งระดับน้ำจะท่วมสูง 1.8-2.00 เมตร ถ้าลึกเข้าไปก็ลดหลั่นกันไป แต่ริมชายฝั่งอย่าง จ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร บริเวณปากแม่น้ำจมแน่ๆ”"
เขาอธิบายว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นหินอ่อนจะเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมภายใน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป โดยสถานการณ์จะรุนแรงกว่าปี 2538 เพราะจากการคำนวณพบว่า ทุกๆ 25 ปี กรุงเทพฯ มีโอกาสจะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง (ภายในปี 2563) ทั้งนี้หากคำนวณจากปัจจัยแผ่นดินทรุดเพียงกรณีเดียว พบว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมภายใน 25 ปี แต่ในความเป็นจริงปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วม ไม่ได้มีเพียงแค่กรณี เดียว
แต่ ประกอบด้วย 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้ 1.ปริมาณฝนที่ตกลงมา ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 5-10% ต่อปี 2.การทรุดตัวของแผ่นดิน ซึ่งในอดีตแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดตัวต่ำลงประมาณปีละ 100 มม.แต่ในปัจจุบันหลังมีมาตรการห้ามขุดเจาะน้ำบาดาล อัตราการทรุดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ10-20 มม. 3.ระดับ น้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีอัตราน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 3 มม.4.ผังเมืองและความแออัดของชุมชนเมือง ทำให้พื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของกรุงเทพฯ ลดลงกว่า 50% เมื่อมีน้ำเหนือไหลมาหรือมีปริมาณฝนมากขึ้นจึงไม่มีพ ื้นที่รองรับน้ำ
“สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือเหตุการณ์ปี 2538 น้ำเหนือมาหนักมาก มันไหลมา 4,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่กรุงเทพฯรับน้ำได้ 3,000 ลูกบาศก์เมตร เพราะฉะนั้นหากเกิดเหตุการณ์เช่นปี 2538 อีกครั้งเมื่อน้ำมาสี่พันกว่าลูกบาศก์เมตรเขาจำเป็นต้องผลักน้ำออกไปทางซ้ายและทางขวา ก่อนเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งหมายความว่าน้ำจะท่วมชนบทอย่างมโหฬาร พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม จะโดนหนักมาก แล้วมาทาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เขตหนองแขม และเขตลาดกระบัง กทม. ก็ไม่รอด”
สำหรับสาเหตุที่น้ำท่วมกรุงเทพฯในปี 2563 จะหนักหนาสาหัสมาก ดร.เสรีบอกว่า ตัวการสำคัญ คือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะผังเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ว่างเปล่า ลดลงไปจากเดิมถึงครึ่งหนึ่ง
“แต่ก่อนผมจำได้ว่ามีพื้นที่ว่างเปล่าหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของ กทม. 1,500 ตร.กม. เป็นพื้นที่สีเขียวประมาณ 40% ปัจจุบันเหลือเพียง 20% เท่านั้น และขณะนี้เรากำลังสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ รุกล้ำไปในพื้นที่ชุ่มน้ำมาก เช่น สร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางระบายน้ำ ซึ่งเป็นทางน้ำไหลลงทะเลไปทางทุ่งตะวันออก บริเวณหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง บริเวณนี้หมู่บ้านเกิดขึ้นเยอะมาก รวมทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นจึงเป็นปัญหา”
อาจารย์เสรีบอกว่า ภายในปี 2563 หากเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นและถ้ารัฐบาลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ได้ดำเนินการอะไร ไม่ได้สร้างคันดินที่จะกั้นน้ำไม่ให้ทะลุเข้ามา หรือการขุดลอกคลองระบายน้ำ ทำพื้นที่แก้มลิง หรือหาพื้นที่แก้มลิงเพิ่มเติมน้ำจะท่วมกรุงเทพฯแน่นอน
สถาบันเวิลด์วอทช์ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ศึกษาวิจัยด้านสภาพแวดล้อมทั่วโลกระบุว่า จากการศึกษาของสหประชาชาติ (UN) และอีกหลายสถาบัน พบว่า เมืองที่มีที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญกับอันตรายจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและพิบัติภัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก โดยพบว่า เมืองชายฝั่ง 21 แห่ง จากทั้งหมด 33 แห่งที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนประชากรสูงถึง 8 ล้านคนภายในปี 2558 มีความเปราะบางสูงมากที่จะถูกน้ำท่วม ซึ่ง 1 ในเมืองที่มีความเสี่ยงต่อภัยนี้ คือ “กรุงเทพมหานคร”
สอดคล้องกับโครงการวิจัยร่วมไทย-ยุโรป GEO2TECDI (Geodetic Earth Observation Technologies for Thailand : Environmental Change Detection and Investigation) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยร่วมระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุ โรปที่ได้รับการสนับ สนุนเงินทุนจากสหภาพยุโรป ในโครงการตรวจวัดการเคลื่อนตัวของแผ่นดินและระดับน้ำ ทะเลโดยใช้เทคโนโลยี Space Geodetic ออกมาเปิดเผยผลวิจัย ว่า ประเทศไทยโดยรวมจะมีการทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ระดับน้ำทะเลในอ่าวไทยกลับเพิ่มขึ้น ส่วนแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดลงปีละ 15 มม.
“รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์” กรรมการภูมิศาสตร์โลก และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ มหาวิทยาลัยรังสิต ที่เพิ่งศึกษาวิจัยประเด็นนี้เสร็จหมาดๆ แล้วส่งเปเปอร์ให้กับธนาคารโลก (World Bank) ในฐานะเจ้าของเงินทุนการวิจัย เล่าความเป็นมาว่า ได้ใช้เวลาในการศึกษาเรื่องนี้ 2 ปี โดยศึกษาเฉพาะกรณีของประเทศไทย
เหตุเพราะว่าธนาคารโลกสนใจเรื่องนี้มาก และศึกษามาอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อมูลว่า 4 เมืองหลักในทวีปเอเชีย ได้แก่ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย, เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม, เมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และกรุงเทพฯ ประเทศไทย
ดังนั้น จึงให้ทุนมาศึกษาวิจัยว่าความเสี่ยงมีมากขนาดไหน ประชาชนจะได้รับผลกระทบกี่ครอบครัว และความสูญเสียทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะเป็นมูลค่าเท่าไหร่
“วิธีการศึกษาผมได้ใช้แบบจำลองคณิตศาสตร์ในห้องปฏิบัติการ เป็นคอมพิวเตอร์ทั้งหมด สร้างเมืองกรุงเทพฯจำลองขึ้นมา ซึ่งกรุงเทพฯ ประกอบด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองต่างๆ ระดับความสูงของพื้นดิน ระดับน้ำทะเลบริเวณเขตบางขุนเทียน จากนั้นใส่ปริมาณน้ำเหนือ น้ำหนุน และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมา ใส่ข้อมูลต่างๆ ลงไปให้ครบ และใช้เหตุการณ์น้ำท่วมปี 2538 เป็นฐาน..”
ผล.. เราพบว่าถ้าเหตุการณ์อย่างปี 2538 เกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง อนาคตเราหนีไม่พ้นแน่ กรุงเทพฯรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ ต้องโดนน้ำท่วมหนัก”
คำว่า ”กรุงเทพฯรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้” ของอาจารย์เสรีมีความหมายว่าผืนดินบริเวณริมทะเลทั้งหมด โดยวัดจากริมชายทะเลเข้าไปในแผ่นดินประมาณ 10 กิโลเมตร จะถูกน้ำท่วม “โดยมีระดับความสูงของน้ำ 1.8-2.00 เมตร” !! ดังนั้นลักษณะของบ้านอนาคตประเทศไทยต้องมีใต้ถุนสูง ส่วนบ้านแพลอยน้ำเป็นของประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ขณะนี้ได้ออกแบบเตรียมรับมือน้ำท่วมไว้แล้ว
“”เราพบว่าพื้นที่กรุงเทพฯ จะถูกน้ำท่วมรุนแรง แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับว่าจะติดกับชายฝั่งขนาดไหน ถ้าอยู่ติดชายฝั่งระดับน้ำจะท่วมสูง 1.8-2.00 เมตร ถ้าลึกเข้าไปก็ลดหลั่นกันไป แต่ริมชายฝั่งอย่าง จ.สมุทรปราการ สมุทรสาคร บริเวณปากแม่น้ำจมแน่ๆ”"
เขาอธิบายว่า กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นหินอ่อนจะเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมภายใน 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป โดยสถานการณ์จะรุนแรงกว่าปี 2538 เพราะจากการคำนวณพบว่า ทุกๆ 25 ปี กรุงเทพฯ มีโอกาสจะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง (ภายในปี 2563) ทั้งนี้หากคำนวณจากปัจจัยแผ่นดินทรุดเพียงกรณีเดียว พบว่าจะเกิดปัญหาน้ำท่วมภายใน 25 ปี แต่ในความเป็นจริงปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เกิดน้ำท่วม ไม่ได้มีเพียงแค่กรณี เดียว
แต่ ประกอบด้วย 4 ปัจจัยดังต่อไปนี้ 1.ปริมาณฝนที่ตกลงมา ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 5-10% ต่อปี 2.การทรุดตัวของแผ่นดิน ซึ่งในอดีตแผ่นดินกรุงเทพฯ จะทรุดตัวต่ำลงประมาณปีละ 100 มม.แต่ในปัจจุบันหลังมีมาตรการห้ามขุดเจาะน้ำบาดาล อัตราการทรุดตัวเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ10-20 มม. 3.ระดับ น้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน มีอัตราน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 3 มม.4.ผังเมืองและความแออัดของชุมชนเมือง ทำให้พื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของกรุงเทพฯ ลดลงกว่า 50% เมื่อมีน้ำเหนือไหลมาหรือมีปริมาณฝนมากขึ้นจึงไม่มีพ ื้นที่รองรับน้ำ
“สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือเหตุการณ์ปี 2538 น้ำเหนือมาหนักมาก มันไหลมา 4,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ขณะที่กรุงเทพฯรับน้ำได้ 3,000 ลูกบาศก์เมตร เพราะฉะนั้นหากเกิดเหตุการณ์เช่นปี 2538 อีกครั้งเมื่อน้ำมาสี่พันกว่าลูกบาศก์เมตรเขาจำเป็นต้องผลักน้ำออกไปทางซ้ายและทางขวา ก่อนเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งหมายความว่าน้ำจะท่วมชนบทอย่างมโหฬาร พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม จะโดนหนักมาก แล้วมาทาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เขตหนองแขม และเขตลาดกระบัง กทม. ก็ไม่รอด”
สำหรับสาเหตุที่น้ำท่วมกรุงเทพฯในปี 2563 จะหนักหนาสาหัสมาก ดร.เสรีบอกว่า ตัวการสำคัญ คือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะผังเมือง โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ว่างเปล่า ลดลงไปจากเดิมถึงครึ่งหนึ่ง
“แต่ก่อนผมจำได้ว่ามีพื้นที่ว่างเปล่าหรือพื้นที่ชุ่มน้ำของ กทม. 1,500 ตร.กม. เป็นพื้นที่สีเขียวประมาณ 40% ปัจจุบันเหลือเพียง 20% เท่านั้น และขณะนี้เรากำลังสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ รุกล้ำไปในพื้นที่ชุ่มน้ำมาก เช่น สร้างหมู่บ้านจัดสรรขวางทางระบายน้ำ ซึ่งเป็นทางน้ำไหลลงทะเลไปทางทุ่งตะวันออก บริเวณหนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง บริเวณนี้หมู่บ้านเกิดขึ้นเยอะมาก รวมทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ เพราะฉะนั้นจึงเป็นปัญหา”
อาจารย์เสรีบอกว่า ภายในปี 2563 หากเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นและถ้ารัฐบาลหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบไม่ได้ดำเนินการอะไร ไม่ได้สร้างคันดินที่จะกั้นน้ำไม่ให้ทะลุเข้ามา หรือการขุดลอกคลองระบายน้ำ ทำพื้นที่แก้มลิง หรือหาพื้นที่แก้มลิงเพิ่มเติมน้ำจะท่วมกรุงเทพฯแน่นอน
ลักษณะทางกายวิภาคของไดโนเสาร์
ลักษณะทางกายวิภาคของไดโนเสาร์ชนิดต่างๆในภาคอีสาน
1. ไดโนเสาร์ซีลูโรซอร์ (Coelurosaur)
2. ไดโนเสาร์สยามโมไทแรนนัส อีสานเอนซีส (Siamotyrannus isanensis)
3. ไดโนเสาร์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรนี (Phuwiangosarus sirindhornae)
4. ไดโนเสาร์ สยามโมซอรัส สุธีธรนี (Siamosaurus suteethorni)
5. ไดโนเสาร์ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กี (Psittacosaurus sattayaraki)
6. ไดโนเสาร์ อิกัวโนดอน (Iguanodon)
7. ไดโนเสาร์คาร์โนซอร์ (Carnosaur)
1. ไดโนเสาร์ซีลูโรซอร์ (Coelurosaur)
2. ไดโนเสาร์สยามโมไทแรนนัส อีสานเอนซีส (Siamotyrannus isanensis)
3. ไดโนเสาร์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรนี (Phuwiangosarus sirindhornae)
4. ไดโนเสาร์ สยามโมซอรัส สุธีธรนี (Siamosaurus suteethorni)
5. ไดโนเสาร์ซิตตะโกซอรัส สัตยารักษ์กี (Psittacosaurus sattayaraki)
6. ไดโนเสาร์ อิกัวโนดอน (Iguanodon)
7. ไดโนเสาร์คาร์โนซอร์ (Carnosaur)
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Earth Plate - เเผ่นของขอกโลก
WiKi Pedia
การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค
.
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การแปรสัณฐานแผ่นธรณีภาค (อังกฤษ: plate tectonics; มาจากภาษากรีก: τέκτων, "tektōn" แปลว่า "ผู้สร้าง") เป็นทฤษฎีเชิงธรณีวิทยาที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่ออธิบายถึงหลักฐานจากการสังเกตการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ โดยทฤษฎีนี้ได้พัฒนาต่อยอดจากทฤษฎีการเลื่อนไหลของทวีปเดิมที่ถูกเสนอขึ้นมาระหว่าง พ.ศ. 2443-2493 ทฤษฎีธรณีแปรสัณฐานนี้ได้รับการยอมรับเป็นที่แพร่หลายหลังจากการเสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับการกระจายของพื้นทะเลในคริสต์ทศวรรษที่ 1960 (ช่วงต้น พ.ศ. 2500)
โครงสร้างส่วนนอกของโลกนั้นแบ่งตามคุณสมบัติของชั้นหินต่อคลื่นไหวสะเทือนได้สองชั้น ชั้นที่อยู่นอกสุดคือชั้นธรณีภาคชั้นดินแข็ง (lithosphere) อันประกอบด้วยเปลือกโลกและเนื้อโลก (mantle) ชั้นบนซึ่งมีอุณหภูมิต่ำและแข็งเกร็ง ชั้นล่างลงไปคือชั้นฐานธรณีภาคชั้นดินอ่อน (asthenosphere) ซึ่งมีสถานะเป็นของแข็งแต่มีความยืดหยุ่นค่อนข้างต่ำและขาดความแข็งแรง อีกทั้งยังสามารถเคลื่นที่ได้คล้ายของเหลวเมื่อพิจารณาในช่วงระยะเวลาเชิงธรณีวิทยา ชั้นแมนเทิลที่อยู่ลึกลงไปภายใต้ชั้นดินอ่อนนั้นจะมีความแข็งมากขึ้นอีกครั้ง กระนั้นความแข็งดังกล่าวไม่ได้มาจากการเย็นลงของอุณหภูมิ แต่เนื่องมาจากความดันที่มีอยู่สูง
ธรณีภาคแบ่งเป็นแผ่นเปลือกโลกหลายแผ่นประกอบกัน ในกรณีของโลกสามารถแบ่งเป็นแผ่นขนาดใหญ่ได้เจ็ดแผ่น และแผ่นขนาดเล็กอีกจำนวนมาก แผ่นเปลือกโลกเหล่านี้เคลื่อนที่สัมพันธ์กับแผ่นเปลือกโลกอื่นๆ ขอบของเปลือกโลกสามารถแบ่งได้เป็นสามประเภทตามลักษณะการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกสัมพัทธ์ของแผ่นเปลือกโลกสองแผ่นนั้น คือ ขอบเปลือกโลกที่มีการชนกันหรือบรรจบกัน, ขอบเปลือกโลกที่มีการแยกตัวออกจากกันหรือกระจายจากกัน และขอบเขตที่มีการแปลงสภาพ ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาต่างๆ ได้แก่แผ่นดินไหว, ภูเขาไฟปะทุ, การก่อตัวของภูเขา และการเกิดขึ้นของเหวสมุทรนั้นจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของขอบเขตแผ่นดิน การเคลื่อนตัวด้านข้างของแผ่นดินนั้นมีอัตราเร็วอยู่ระหว่าง 0.66 ถึง 8.50 เซนติเมตรต่อปี
แผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่[แก้]
แผ่นเปลือกโลกที่มีขนาดใหญ่ได้แก่
- แผ่นแอฟริกา: ครอบคลุมทวีปแอฟริกา เป็นแผ่นทวีป
- แผ่นแอนตาร์กติก: ครอบคลุมทวีปแอนตาร์กติกา เป็นแผ่นทวีป
- แผ่นออสเตรเลีย: ครอบคลุมออสเตรเลีย (เคยเชื่อมกับแผ่นอินเดียเมื่อประมาณ 50-55 ล้านปีก่อน) เป็นแผ่นทวีป
- แผ่นยูเรเชีย: ครอบคลุมทวีปเอเชียและยุโรป เป็นแผ่นทวีป
- แผ่นอเมริกาเหนือ: ครอบคลุมทวีปอเมริกาเหนือและทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย เป็นแผ่นทวีป
- แผ่นอเมริกาใต้: ครอบคลุมทวีปอเมริกาใต้ เป็นแผ่นทวีป
- แผ่นแปซิฟิก: ครอบคลุมมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นแผ่นมหาสมุทร
นอกจากนี้ยังมีแผ่นเปลือกโลกที่มีขนาดเล็กกว่า ได้แก่ แผ่นอินเดีย, แผ่นอาระเบีย, แผ่นแคริบเบียน, แผ่นฮวนเดฟูกา, แผ่นนัสกา, แผ่นทะเลฟิลิปปิน และแผ่นสโกเชีย
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกนั้นมีสาเหตุมาจากการรวมตัวและแตกออกของทวีปเมื่อผ่านช่วงเวลาหนึ่ง ๆ รวมถึงการรวมตัวของมหาทวีปในบางครั้ง ซึ่งได้รวมทุกทวีปเข้าด้วยกัน มหาทวีปโรดิเนีย (Rodinia) นั้นคาดว่าก่อตัวขึ้นเมื่อหนึ่งพันล้านปีที่ผ่านมา และได้ครอบคลุมผืนดินส่วนใหญ่บนโลก จากนั้นจึงเกิดการแตกตัวไปเป็นแปดทวีปเมื่อ 600 ล้านปีที่แล้ว ทวีปทั้งแปดนี้ต่อมาเข้ามาร่วมตัวกันเป็นมหาทวีปอีกครั้ง โดยมีชื่อว่าแพนเจีย (Pangaea) และในทึ่สุด แพนเจียก็แตกออกไปเป็นทวีปลอเรเชีย (Laurasia) ซึ่งกลายมาเป็นทวีปอเมริกาเหนือและยูเรเชีย และทวีปกอนด์วานา (Gondwana) ซึ่งกลายมาเป็นทวีปอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ได้กล่าวข้างต้น ดังที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก[แก้]
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (plate motion) คือลักษณะการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นที่อยู่ติดกัน สามารถจำแนกได้ออกเป็น 3 รูปแบบ ตามลักษณะการเคลื่อนที่สัมพัทธ์กันระหว่างแผ่นเปลือกโลกทั้งสอง ได้ดังต่อไปนี้
- การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกแบบเคลื่อนผ่านกัน
- การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกแบบเคลื่อนแยกจากกัน
- การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกแบบชนเข้าหากัน
แผนที่ใหม่ ประเทศไทย
แผนที่ใหม่ ประเทศไทย
มาดูฝั่งเอเชียของเรากันบ้าง แผนที่ใหม่นี้ได้บอกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะทำให้เกิดน้ำท่วมตั้งแต่ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่งซึ่งอยู่ระหว่างอะลาสก้ากับรัสเซีย เกาะญี่ปุ่นจึงจะจมหายไปหมด เหลือไว้แค่ 2-3 เกาะ เท่านั้น ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ และไต้หวันกับเกาหลี ก็จะหายจมไปในทะเล ดังนั้น แนวฝั่งของจีนก็จะร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ทีเดียว อินโดนีเซียจะถูกทำลาย เช่นเดียวกับฟิลิปินส์ เอเชียจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงมากเพราะตั้งอยู่บน 3 ทวีป ส่วนไทยนั้นอยู่บนแผ่นทวีปของ ยูเรเซี่ยน ซึ่งจะเกิดการยกตัวให้สูงขึ้น แผ่นแปซิฟิกจะเคลื่อนไป 9 องศา ดังนั้น บางส่วนจะมุดตัวลง บางส่วนจะยกตัวขึ้น
ผลสรุปการทำนายก็คือ ประเทศไทยจะยังเหลืออยู่บางส่วนตามภาพที่ขยายออกมา ซึ่งคงได้ยินกันมาอยู่บ้างว่า ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุดคือภาคเหนือ ส่วนอีสานบางส่วน และภาคใต้จะจมลงไปในทะเลพร้อมกับมาเลเซีย สิงคโปรและอินโดนีเซีย ส่วนชายฝั่งทะเลจะมาอยู่ที่ชัยภูมิ เพรชบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัยและตาก และแม่น้ำโขงจะกลายจากแม่น้ำเป็นทะเล
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)